สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานตัดสินรางวัลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี



วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๓) เมื่อเวลา ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องแม่กลอง โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ มูลนิธิรางวัลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานมูลนิธิฯ สำหรับปี ๒๕๖๓ ผู้ที่ได้รับพระราชทานรางวัล พยาบาลดีเด่นระดับโลก คือ นางสาวแฟดวา อาเมด อัฟฟารา โดยจะกำหนดพิธีพระราชทานรางวัลในโอกาสต่อไป
 รองศาสตราจารย์ ดร.ทัศนา บุญทอง เลขาธิการมูลนิธิรางวัลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีฯ  กล่าวว่า มูลนิธิรางวัลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นพระราชานุสรณ์แห่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และต่อพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ อีกทั้งเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศสูงสุด และเป็นพระราชานุสรณ์ให้พระเกียรติยศยืนยง และขจรขจายไปยังนานาชาติ รางวัลที่จัดตั้งขึ้นนี้ ได้จัดให้มีขึ้นปีละ ๑ รางวัลทุกปี โดยพิจารณาให้กับพยาบาลและ/หรือผดุงครรภ์จากทุกประเทศทั่วโลก ที่มีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่มวลมนุษย์ในด้านสุขภาพอนามัยและคุณภาพชีวิต เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๓  นับถึงปัจจุบันเป็นเวลา ๒๐ ปี อย่างต่อเนื่อง
รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง กล่าวต่อไปว่า มูลนิธิรางวัลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีฯ ได้พิจารณาตัดสินผู้ที่ได้รับรางวัลประจำปี ๒๕๖๓ คือ นางสาวแฟดวา อาเมด อัฟฟารา (Miss Fadwa Ahmed AFFARA) อายุ ๗๗ ปี จากสหราชอาณาจักร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายสุขภาพและการพยาบาล สภาการพยาบาลระหว่างประเทศ (International Council of Nurses-ICN) นางสาว อัฟฟารา เป็นผู้นำในเชิงนโยบายและนักวิชาการที่สร้างแรงบันดาลใจและมุ่งมั่นในการสนับสนุนให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อย และประเทศในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก มีการจัดทำข้อบังคับวิชาชีพการพยาบาล พัฒนาแนวคิดการปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง และพัฒนาวิชาชีพการพยาบาลให้มีความเข้มแข้ง และเป็นสากล
นางสาว อัฟฟารา มีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลและประเด็นทางการพยาบาลกับกลุ่มพยาบาลผู้กำหนดนโยบายสาธารณสุขและสังคม และรณรงค์ให้มีการพัฒนาข้อบังคับวิชาชีพหรือพระราชบัญญัติการพยาบาลเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดต่อประชาชน  อีกทั้งยังพัฒนาหลักสูตรสำหรับผู้นำทางการพยาบาลให้มีความรู้ ความเข้าใจถึงความสำคัญของกฎหมายวิชาชีพ ร่วมสนับสนุนประเทศสมาชิกสหภาพพยาบาลระหว่างประเทศ โดยทำงานร่วมกับองค์กรอนามัยโลก องค์กรสหประชาชติ มูลนิธิแหล่งทุนต่าง ๆ ที่ทำงานด้านสุขภาพ ทั้งในระดับโลก ภูมิภาค และประเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการพยาบาลให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศนั้น ๆ
นางสาว อัฟฟารา ได้รับ President’s Award จากศูนย์การรับรองพยาบาลอเมริกันในฐานะที่เป็นผู้นำเรื่องกฎหมายวิชาชีพ นับได้ว่า นางแฟดวา อาเมด อัฟฟารา เป็นผู้นำเชิงนโยบาย และวิชาการที่ส่งเสริมสนับสนุนให้องค์กรพยาบาลในประเทศต่าง ๆ มีการพัฒนาข้อบังคับวิชาชีพการพยาบาล การศึกษาพยาบาล และการปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาวิชาชีพการพยาบาลให้เกิดความเข้มแข้งในระบบสุขภาพระดับสากล
นอกจากนี้ นางสาว อัฟฟารา ช่วยในการพัฒนาการศึกษาพยาบาลของประเทศบาห์เรนและประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกอย่างต่อเนื่อง และจัดทำโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ให้กับพยาบาล และบุคลากรสุขภาพที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกล หรือในค่ายผู้อพยพ
รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง ได้กล่าวว่า ในช่วงการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 (COVID-19) ทั่วโลก นางสาว อัฟฟารา ได้ร่วมเป็นกรรมการก่อตั้งเครือข่ายการทำงานของแอฟริกาเรื่องโควิด-19 สำหรับพยาบาลและผดุงครรภ์ (the COVID-19 Africa Action Network for Nurses and Midwives) เพื่อสนับสนุนการทำงานของพยาบาลและผดุงครรภ์ ในการต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อให้เข้าถึงคู่มือการปฏิบัติงาน หลักสูตรอบรม โดยผ่านเครือข่ายการศึกษาต่อเนื่องของโลก (World Continuing Educational Alliance) เข้าถึงแหล่งในการจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันตนเอง (Personal Protective Equipment-PPE) และแสวงหาแหล่งเงินทุนเพื่อช่วยเหลือการทำงานขององค์กรพยาบาล และสภาการพยาบาลของประเทศทั่วโลก