นายกสภาการพยาบาล เป็นประธานการประชุมเตรียมอัตรากำลังพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ระยะรุนแรง(COVID-ICU)



เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 รองศาสตราจารย์ ดร.ทัศนา บุญทอง
นายกสภาการพยาบาล
เป็นประธานการประชุมเตรียมอัตรากำลังพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19
ระยะรุนแรง (COVID-ICU) โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริอร สินธุ
อุปนายกสภาการพยาบาล คนที่หนึ่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์อังคณา สริยาภรณ์
เลขาธิการสภาการพยาบาล รองศาสตราจารย์ ดร.เรณู พุกบุญมี
รองเลขาธิการสภาการพยาบาล นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์
นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ จาก UHosnet             รศ.นพ.นิธิพัฒน์
เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย
หัวหน้าฝ่ายการพยาบาลและผู้แทนจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
และโรงพยาบาลรามาจักรีนฤบดินทร์ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ดร.วิจิตร
ศรีสุพรรณ สภาการพยาบาล
   สืบเนื่องจากที่สภาการพยาบาลได้ประกาศระดมกำลัง  ขอการสนับสนุนพยาบาลที่มีความรู้ความชำนาญผู้ป่วยวิกฤต
เพื่อรับมือสถานการณ์โควิด -19
และได้รับความร่วมมือจากพยาบาลวิชาชีพสมัครเป็นพยาบาลอาสาดูแลผู้ป่วยโควิดระยะวิกฤติ
(COVID-ICU) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเตรียมความพร้อมด้านสถานที่
และอุปกรณ์ทางการแพทย์
เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดระยะวิกฤตกำลังดำเนินการอยู่ในโรงพยาบาลทั้ง 4
แห่ง คือ โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
สภากาชาดไทย โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
และโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน (โดยการกำกับของโรงพยาบาลศิริราช)
สภาการพยาบาลจึงได้ร่วมหารือกับทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแนวทางในการปฏิบัติและมาตรการในการดูแลความปลอดภัยของพยาบาลอาสาสมัครในการปฏิบัติงาน
โดยได้เน้นย้ำในการรักษาความปลอดภัยในการทำงานตามลักษณะงานทั้งแพทย์
พยาบาล รวมไปถึงบุคลากรด้านอื่น ๆ
ที่มีความเสี่ยงให้เป็นไปตามลักษณะงานอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน อาทิ ชุด
PPE เครื่องมือ/เทคโนโลยีที่ช่วยในการดูแลผู้ป่วยอย่างปลอดภัย
และระยะเวลาการทำงาน เพื่อลดความเครียด และการจัดการความเสี่ยง เป็นต้น
อีกทั้งร่วมพิจารณาเรื่องสวัสดิการในขณะปฏิบัติหน้าที่และประกาศนียบัตรการเป็นพยาบาลจิตอาสาจากสภาการพยาบาล
อีกด้วย
ทั้งนี้ สภาการพยาบาลด้วยความร่วมมือกับหัวหน้าพยาบาลจากโรงพยาบาลทั้ง 4
แห่ง และคณะแพทย์
จะได้มีการเตรียมพยาบาลอาสาเพื่อการปฏิบัติงานให้ได้มาตรฐานโดยเฉพาะมาตรฐานด้านความปลอดภัยของบุคลากรที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยโควิดระยะวิกฤติที่จัดไว้ต่อไป